Introduction
ก่อนอื่นเลยหากพูดถึงแสงสว่างจากหลอดไฟ แล้วคงเป็นสิ่งสำคัญที่อยู่คู่กับมนุษย์มานานไม่ต่ำกว่า หนึ่งศตวรรษ ทำให้มนุษย์ของเราได้ใช้ชีวิตในแสงสว่างตลอด 24 ชั่วโมง แม้ในยามที่ไม่มีแสงสว่างจากธรรมชาติ ดังนั้นวันนี้ผมน้องไฟหมุนมีความรู้เกี่ยวกับหลอดไฟชนิดต่างๆ มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่าหลอดไฟมีกี่ชนิด มีความสำคัญ อย่างไร ควรเลือกหลอดไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานแบบไหน รวมทั้งวิธีการเปลี่ยนหลอดไฟ และ การเช็คสภาพสินค้าเพื่อให้เพื่อนๆ ตัดสินใจเลือกซื้อหลอดไฟที่เหมาะสมกับการใช้งานนะครับ
โดยหัวข้อแรกที่น้องไฟหมุนจะพาไปรู้จักคือประเภทของหลอดไฟซึ่งหลอดไฟ ซึ่งมีหลากหลายชนิดเปลี่ยนไปตามลักษณะของการใช้งาน
จากกระแสตื่นตัวด้านการประหยัดพลังงานที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมเพื่อก่อให้เกิดการประหยัดพลังในด้านต่างๆ อย่างมากมาย หลอด LED เป็นอีกหนึ่งในอุปกรณ์ประหยัดพลังงานที่กำลังได้รับความสนใจในปัจจุบัน แต่จริงๆ แล้วมีการเริ่มต้นใช้ในเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962 และได้รับความสนใจเพิ่มสูงขึ้นในปี ค.ศ. 1996 หลังจากมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนสามารถนำมาใช้ทดแทนหลอดไฟประเภทต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการสูญเสียการใช้พลังงานที่น้อยกว่า สำหรับในประเทศไทยมีการใช้หลอดไฟหลายประเภท บางชนิดก็ใช้กันมาหลายสิบปี โดยสามารถแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
สรุป
แม้ในปัจจุบันราคาของหลอดไฟ LED จะมีราคาสูงกว่าหลอดทั่วไป แต่ถ้าเปรียบเทียบเรื่องระยะเวลาการใช้งาน นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ซึ่งพอจะสรุปข้อดีของหลอดไฟชนิดนี้ได้ในด้านต่างๆ เช่น ความประหยัด เพราะใช้พลังงานน้อยมาก แต่ให้ประสิทธิภาพในการส่องสว่างสูง ด้านความสว่าง ที่สามารถส่องสว่างได้ทันทีโดยไม่ต้องกระพริบก่อน ทั้งยังไม่ปล่อยรังสี UV ด้านความคงทน โดยสามารถทำงานได้ยาวนานที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับหลอดชนิดอื่นๆ และด้านสิ่งแวดล้อม ถือได้ว่าหลอดชนิดนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากความประหยัดด้านพลังงานและความคงทนที่สามารถใช้ได้อย่างยาวนาน ทำให้ปริมาณขยะจากหลอดไฟลดลงด้วย การรณรงค์ส่งเสริมให้เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟประเภทต่างๆ ถือเป็นอีกวิธีการหนึ่งเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน แค่เปลี่ยนมาใช้หลอด LED ก็ช่วยลดการใช้พลังงานได้ และประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ดูสินค้าหลอดไฟของเราได้ที่นี่ 7 ข้อสงสัยเกี่ยวกับหลอดไฟแอลอีดี (LED)
ระดับโทนแสง และสีของหลอดไฟช่วยในเรื่องบรรยากาศ และอารมณ์ของมนุษย์ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของประสิทธิภาพในการมองเห็น โดยต่อจากนี้น้องไฟหมุนจะพาไปรู้จักสีของหลอดไฟที่วัดกันจากความสว่างกันครับ
นอกจากโทนสีของแสง 3 ชนิดนี้แล้วยังมีโทนแสง อีก 2 ชนิดด้วยกัน คือ
Candle Light ความสว่างที่ 1000K+2600K และ Natural White ความสว่างที่ 3500-5000K ซึ่งจะไม่ค่อยเป็นที่นิยม ทั้งในด้านการใช้งาน และจำนวนสินค้าที่ไม่ค่อยได้รับการผลิตออกมาจึงไม่เป็นที่นิยมโทนแสงชนิดอื่น ๆ
ในหน้าสินค้าหลอดไฟของ psc.lighting จะแยกประเภทโทนสีของหลอดไฟดังนี้
Daylight เดย์ไลท์ 5000+ K | Cool White คูลไวท์ 4000-5000 K | Warm White วอร์มไวท์ 2600-3000 K |
หากสนใจสินค้าประเภทหลอดไฟ หรืออุปกรณ์ให้แสงสว่างสามารถตรวจสอบได้ที่ link ด้านล่างเลยครับ
จากการที่ได้เกริ่นในเรื่อง ชนิดของหลอดไฟ และโทนแสงของหลอดไฟว่าเหมาะกับการใช้งานประเภทไหน จากนี้น้องไฟหมุนจะมาขอแนะนำวิธีการเลือกหลอดไฟที่เหมาะสมกันนะครับ เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวหลอดไฟเองด้วย และ ยังสามารถช่วยประหยัดค่าไฟไปในตัวได้อีกด้วยครับ เพราะในปัจจุบันแต่ละครัวเรือนมีการใช้จ่ายไฟฟ้ากันสูงมาก ดังนั้นการเลือกหลอดที่ดีอาจจะช่วยลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า แถมยังช่วยโลกในเรื่องของพลังงานอีกด้วย น้องไฟหมุนหวังว่าจะได้ช่วยทุกท่านที่ต้องการเลือกหลอดไฟ ให้เหมาะสมกับที่ต้องการ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟ และค่าเปลี่ยนหลอดไฟครับ
ควรเลือกหลอด LED เพราะมีชั่วโมงใช้งานนานที่สุด และประหยัดไฟมากที่สุด เนื่องจากการจ่ายกระแสไฟฟ้าเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้หลอดไฟติดได้แล้ว และเป็นหลอดที่มีระยะการใช้งานนานที่สุด และหลอดจะไม่ดับไป แต่ความสว่างของหลอดจะค่อย ๆลดลง
ค่าความถูกต้องของสี CRI (Color Rendering Index) เป็นค่าวัดความสว่างของแสงสว่างที่มีค่า ตั้งแต่ 0-100 โดยหากจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสายตาเราที่สุดควรจะเป็นหลอดไฟที่แสงใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด หรือ แสงดวงอาทิตย์ที่สุด เนื่องจากแสงของหลอดไฟนั้นสามารถทำให้เรามองสีของสิ่งของเพี้ยนได้ ดังงนั้นการเลือกสีหลอดไฟควรจะอยู่ที่ 70-100 ที่มีความคล้ายคลึงกับธรรมชาติมากที่สุด
การตกแต่งไฟภายในบ้านนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้บางห้องควรจะได้รับแสงสว่างให้เพียงพอต่อการใช้งาน เช่น ห้องอ่านหนังสือ ห้องครัว เพื่อลดอุบัติเหตุในการทำครัว หรือ ทำให้บรรยากาศภายในห้องครัวไม่ดูผ่อนคลายเกินไปจึงควรใช้ความสว่างแบบ Day Light หรือถ้าหากให้ห้องนั้นมีความผ่อนคลายอย่างห้องนอน ห้องน้ำ หรือ ห้องนั่งเล่นก็ควรเป็น Warm White ซึ่งโทนสีแบบ Warm White จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเวลาใช้งานห้องในส่วนนั้น
หากระดับสีของแสงนั้นส่งผลมากต่ออารมณ์ของมนุษย์ และบางทีเราก็คงไม่อยากมีบรรยากาศแบบเดียวภายในบ้านของเรา เช่นบางวันต้องการจะทำกิจกรรมที่ใช้แสงมาก การใช้ไฟวอร์มไวท์ก็ไม่เหมาะ หรือบางครั้งอยากอ่านหนังสือในวันพักผ่อนสบาย ๆ การเลือกไฟวอร์มไวท์ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะแสงของวอร์มไวท์มีความนุ่มนวลกว่า เหมาะสำหรับการพักผ่อน
การเลือกไฟให้เหมาะกับพื้นที่ก็มีความสำคัญ เช่นบางพื้นที่ใช้แสงไฟน้อย ก็ไม่ควรติดตั้งไฟหลาย ๆดวง หรือการที่ติดดวงไฟในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมจนต้องติดไฟอีกดวง เพื่อเพิ่มความสว่างนั้นก็ทำให้เสียค่าไฟเพิ่ม รวมไปถึงต้องตรวจสอบขั้วของหลอดไฟให้ตรงกับประเภทการใช้งานด้วยครับ
โดยที่ตรามอก. ย่อมาจากมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม และตัว มอก.นั้นจะบ่งเป็นตัวบ่งบอกผู้บริโภคมั่นใจ และตรวจสอบได้ว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และมีมาตรฐาน
หากต้องการไฟหลายโทนสีแต่ไม่อยากติดตั้งไฟเยอะ ๆก็เลือกติดตั้งไฟแบบปรับโทนแสงได้ก็จะเหมาะกับคนที่อยากปรับเปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องโดยไม่ต้องเสียพื้นที่ไปกับการติด
ตั้งหลอดไฟหลายๆ หลอดอีกด้วย
สรุป
การเลือกหลอดไฟเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ดังนั้น การเลือกใช้หลอดไฟน่าจะช่วยให้ทุกคนได้ลดค่าใช้จ่าย และสามารถสามารถลดการใช้ไฟในภาคครัวเรือนก็จะเป็นผลดีต่อประเทศและโลกอีกด้วยนะครับ
นอกจากการเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเราแล้วควรเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ มีตรามอก.ติดอยู่ที่กล่องผลิตภัณฑ์สินค้าเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ และยังเป็นการประหยัดของเราไปในตัวอีกด้วย
และอย่าลืม เลือกหลอดไฟที่มีระดับแสง (Lumen) หรือจำนวนวัตต์ (Watt) ให้ตรงกับความต้องการด้วยนะครับ สงสัยเรื่องหน่วยไฟฟ้าที่ใช้กับหลอดไฟสามารถอ่านได้ที่ บทความหน่วยไฟฟ้า ได้เลยครับ หรือสามารถโทรมาปรึกษาที่ร้านเราได้ตามที่อยู่ด้านล่างครับ
สุดท้ายนี้ หากต้องการหลอดไฟที่ประหยัดไฟ และ มีระยะการใช้งานที่ยาวนาน น้องไฟหมุนขอฝากหลอดไฟ LED ไว้เป็นตัวเลือก ของเพื่อนๆ ด้วยนะครับ
เป็นจุดสำคัญที่เราควรตรวจสอบให้ดี เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าจะใช้หลอดไฟชนิดไหนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สำคัญเช่นกันก็คือขั้วของหลอดไฟ วันนี้น้องไฟหมุนมีเกร็ดความรู้เล็กน้อยมากฝากเพื่อนๆ ที่กำลังจะเลือกซื้อหลอดไฟมาเปลี่ยนให้กับอันเก่าที่หมดอายุการใช้งานที่บ้านนะครับ
ทั่วไปแล้วขั้วหลอดไฟจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทขั้วหลักๆ คือ ขั้วแบบเขี้ยว และ ขั้วแบบเกลียว โดยทั้งสองขั้วนี้จะสามารถแบ่งเป็นขั้วย่อยๆ อีกหลายชนิด
ลักษณะของขั้วแบบเกลียวนั้นจะมีลักษณะเป็นเกลียว จะต้องคู่กับแท่นหลอดไฟที่เป็นเกลียวเหมือนกันเพื่อเวลาหมุนจะทำให้มันเข้ากันได้ และขั้วแบบเกลียวนั้นก็แบ่งออกเป็นอีกหลายชนิด ตั้งแต่ ขั้วเกลียว E10 - E40 และ EX39 แต่ขั้วเกลียวที่นิยมกันมากที่สุดคือ E14 และ E27
ขั้วเกลียว E 14 มักถูกเรียกว่าหลอดขั้วเล็ก มักจะใช้กับหลอดรูปทรงปิงปอง และทรงกระบอกเล็ก มีทั้งเป็นหลอดแบบไส้ และ แบบหลอด LED
ขั้วเกลียว E 27 เป็นหลอดที่ถูกใช้มากสุดในชีวิตประจำวัน หรือเรียกอีกชื่อว่า tc-tse และขั้วนี้จะพบมากสุดใน หลอด Compact fluorescence และมีตั้งแต่หลอดไส้จนถึง LED และในอดีตมันใช้ในหลอดไส้ (Incandescent) และหลอดรูปทรงปิงปอง แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาให้มีในรูปแบบของหลอดรูปทรงตระเกียบ หลอดประหยัดไฟแบบแท่ง และ หลอด LED
ขั้วเกลียว E 40 เป็นขั้วขนาดใหญ่มักใช้กับหลอดที่ต้องการกำลัง วัตต์สูง ๆเพื่อรองรับหลอดไฟขนาดใหญ่ มักถูกติดตั้งในพื้นที่ ที่ต้องการแสงมาก ๆ โดยปกติ E 40 มักใช้กับหลอดไฟที่มีกำลังมากกว่า 40 W มักถูกใช้ในพื้นที่ใหญ่ ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า สนาม โกดังสินค้า โรงงาน และมักถูกใช้ในไฟสปอตไลท์ ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาให้มาใช้ แบบ LED ที่ประหยัดขึ้น คุณภาพดีขึ้น น้ำหนักเบาลง และสามารถใช้งานได้นานขึ้น
จากที่ได้กล่าวไปเบื้องต้นว่ามี ขั้วสองแบบใหญ่ ๆ แบบเกลียว และ แบบขั้ว และอีกแบบที่มักพบก็ขั้วแบบเขี้ยว โดยลักษณะ คือจะเป็นแง่งเหมือนเขี้ยว โดยต้องนำหลอดไฟมาเกี่ยวกันถึงจะทำงานได้ ลักษณะจะคล้ายกับเต้าถ่านไฟฉาย และขั้วแบบเขี้ยวก็ยังมีหลายรูปแบบตั้งแต่ G4 - G12
ขั้วแบบเขี้ยว G10 (Twist and Lock Bases) มักถูกเรียกว่า “ขั้วขาสตาร์ทเตอร์” มีลักษณะเป็นแบบขาบิดล๊อคได้ มีทั้งในแบบ LED ที่ใช้ได้มักจะพบเห็นในรูปแบบถ้วย MR16 ซึ่งหลอดดังกล่าวนิยมนำมาใช้ โคมไฟตกแต่ง โคมไฟส่องสินค้า หรือที่ไว้ส่องผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
ขั้วแบบเขี้ยว G13 หรือขั้วหลอดนีออน ขั้วชนิดนี้มากนำมาใช้กับหลอดนีออน T8 , T5 แต่การที่จะทำให้ไฟติดได้นั้นต้องทำงานคู่กับสตาทร์เตอร์ กับบัลลาสต์ แต่ปัจจุบันมี LED TUBE ที่ประหยัดไฟติดตัังง่าย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมี สตาทร์เตอร์ กับ บัลลาสต์ที่ใช้ทำงานคู่กับขั้วชนิดนี้
ขั้วแบบเขี้ยว GU 5.3 เป็นหลอดไฟที่ส่วนมากใช้ในการส่องตู้โชว์ตั้งแต่ เล็กจนถึงตู้ขนาดใหญ่ ส่วนมากใช้เป็นหลอดฮาโลเจนแบบถ้วย และ แคปซูล ซึ่งลักษณะขั้วจะเป็นเหล็กแหลมสั้นๆ 2 แท่งที่ตัวขั้วหลอด และ เลข 5.3 ที่เป็นชื่อขั้วนั้น คือระยะห่างของแท่งเหล็กทั้ง 2 แท่ง โดยนับใช้หน่วยมิลลิเมตร
การที่จะเลือกซื้อหลอดไฟ ก็จำเป็นต้องดูขั้วหลอดก่อนเลือกซื้อหลอดไฟมาเปลี่ยนเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาในการนำหลอดไฟกับไปเปลี่ยน และนอกจากขั้วหลอดำฟแล้วควรจะเลือกรูปทรงของหลอดไฟให้เหมาะกับตัวไฟที่ติดกับผนัง หรือตัวโคมไฟ ที่เพื่อน ๆต้องการนำมาเปลี่ยนด้วยนะครับเพื่อลดอุบัติเหตุ หรือ เพื่อให้เกิดความสวยให้กับห้องเพื่อนๆ เรื่องต่อไปที่น้องไฟหมุนจะพาไปรู้จักคือการแนะนำรูปทรงหลอดไฟว่ามีแบบไหนบ้างนะครับ
เลขที่ 32,34 ซอยจันทน์ 6 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
คุณลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ตามที่อยู่ เบอร์โทร
และช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่นๆ ของบริษัทได้ตามนี้เลยค่ะ
ทางร้านยินดีต้อนรับท่านที่สะดวกเข้ามาที่หน้าร้านเช่นกัน
ทางเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้บริการคุณลูกค้าในอนาคต ขอบคุณค่ะ
เวลาทำการ: จันทร์-เสาร์ 8.30-17.30 น.
LINE Official Account @Pornsangchai
Email : pornsangchai@hotmail.com
Tel. (+66) 214 3641 | 215 5859 | 216 2661 | 216 2825
Fax. (+66) 214 0756
*สินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า หากท่านใดมีข้อสงสัย หรือต้องการความช่วยเหลือใด โปรดติดต่อมาตามข้อมูลข้างต้นได้เลยค่ะ
Copyright ® 2021 www.psc.lighting
Message us